Checklist เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลงทุนใน สินทรัพย์ดิจิทัล
ช่วงที่ผ่านมาทุกคนคงจะได้เห็นแล้วว่า ราคาของ สินทรัพย์ดิจิทัล มีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงขึ้นมากโดยเฉพาะเมื่อเอาอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นของราคา ไปเปรียบเทียบกับการฝากเงินหรือการลงทุนในตลาดหุ้น เราก็จะพบว่าการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้คัดเลือกได้อย่างถูกต้องนั้น จะทำให้เราได้กำไรมากกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นหลายเท่าตัวเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่เราใช้ในการลงทุนเท่าๆกัน
สิ่งหนึ่งก็คงต้องบอกว่าเป็นเพราะตลาดการซื้อขายแลกเปลี่ยนของ สินทรัพย์ดิจิทัล นั้นเปิดตลอด 24 ชั่วโมง 365 วันใน 1 ปีนั่นหมายถึงว่าไม่มีช่วงเวลาปิดหรือหยุดพักกันเลยทีเดียว
แต่ถึงอย่างนั้นแล้วสำหรับมือใหม่หลายคนทางสมาคมฯ ก็อยากจะแนะนำ การตรวจสอบตัวเองในแบบพื้นฐานว่าเราเป็นคนที่เหมาะสมแก่การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลหรือไม่
Checklist นี้ใช้เป็นเพื่อการสำรวจตัวเองในเบื้องต้นเท่านั้น อาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่ยืนยันได้ว่าเหมาะหรือไม่เหมาะสม เพราะในหลายหัวข้อคำถามก็อาจจะได้คำตอบแบบหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นเมื่อช่วงเวลาผ่านไปเราอาจจะได้คำตอบแบบใหม่ให้กับตัวเราก็ได้ อีกทั้งถ้าเราเป็นคนที่เหมาะสมแก่การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลก็อาจจะไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน
เราเป็นคนที่ชอบอัพเดทความรู้ตัวเองอยู่สม่ำเสมอหรือไม่
เรื่องนี้หลายคนอาจจะเข้าข้างตัวเองว่าเราเป็นคนที่ชอบอัพเดทความรู้ตัวเองอยู่สม่ำเสมอ เพราะเราศึกษา YouTube และดู Facebook ในทุกๆวัน แต่สิ่งที่ผมจะบอกมันมีรายละเอียดมากกว่านั้น การศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง หมายความว่า เราเป็นคนที่มีความตั้งใจที่จะเรียนรู้ในเรื่องหนึ่งหรือเรื่องใดที่เราเลือกขึ้นมาแล้วและศึกษาลงไปอย่างถ่องแท้
เครื่องมือวัดตัวหนึ่งที่สามารถใช้ได้แบบง่ายๆ คือเราสามารถอธิบายเรื่องนั้นให้คนอื่นที่ไม่เข้าใจเรื่องนั้น สามารถเข้าใจได้อย่างถูกต้อง ภายในเวลา 5 นาทีได้หรือไม่ ถ้าเราสามารถทำได้นี่ก็สามารถใช้เป็นเครื่องยืนยันหนึ่งได้ว่าเราเข้าใจในเรื่องนั้นได้จริงๆ
อีกคุณลักษณะหนึ่งก็คือเมื่อองค์ความรู้นั้นๆมีการพัฒนาต่อยอดขึ้นไปเรื่อยตามวันเวลาที่เปลี่ยนไป เรายังติดตามเพื่ออัพเดทตัวเองให้ทันเป็นปัจจุบันอยู่เสมอหรือไม่ รวมทั้งเราจะสามารถอธิบายจุดเริ่มต้นหรือเรื่องราวในอดีตจนมาถึงจุดปัจจุบันได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้ ก็ใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งเพื่อตรวจสอบว่าเราเป็นคนที่ชอบอัพเดทตัวเองอยู่เสมอได้จริง
มีการบริหารเงินอย่างเป็นระบบ (มีความรู้ในด้าน Money Management)
Money management คือการบริหารจัดการเงินอย่างเป็นระบบและมีเป้าหมายหรือมีการปฏิบัติอย่างชัดเจนและมีระเบียบวินัยอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากอันหนึ่งในการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (จะว่าไปก็ใช้ได้กับการลงทุนทุกแบบ แต่ว่าจะมีผลมาก ในสินทรัพย์ดิจิทัล)
เพราะเมื่อเรามีการบริหารจัดการเงินแล้ว เราจะรู้ว่าวงเงินจำนวนเท่าไหร่ที่เหมาะสมในการนำมาใช้ลงทุน และเราจะต้องไปลงทุนในส่วนไหนเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ เพราะการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความผันผวนของราคาสูงมาก ซึ่งการผันผวนของราคาสูงมากนั้นเป็นผลต่อเนื่องมาจากความไม่มั่นคงและไม่แน่ใจในการทำงานของธุรกิจที่เป็นเบื้องหลังของ สินทรัพย์ดิจิทัล ตัวนั้นๆ จึงทำให้เกิดความเสี่ยงที่สูงจากความผันผวนเหล่านี้ตามมาด้วยเป็นเงาตามตัว
แต่ถ้าเรามีการบริหารจัดการเงินที่ดีแล้ว เราจะรู้ว่าเราสามารถลงทุนในส่วนไหนได้เป็นจำนวนเท่าไรและมีความเสี่ยงในส่วนนั้นมากหรือน้อยเพียงใด ซึ่งการบริหารจัดการเงินที่ดี ไม่ได้พูดถึงแต่เพียงการจัดสรรเงินที่ลงทุนในส่วนของสินทรัพย์ดิจิทัล เท่านั้นแต่หมายรวมถึงการจัดการเงินในภาพรวมว่าเราต้องมีเงินเก็บสำรองใช้ส่วนตัวนานเท่าไหร่ มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนเท่าไหร่ มีแบ่งส่วนลงทุน อื่นๆเป็นต้น
เรียกได้ว่าการมี Money management ที่ดีนั้นช่วยให้การลงทุนในสินทรัพย์ Digital ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดีพร้อมกับการควบคุมความเสี่ยงให้เป็นไปได้อย่างเหมาะสม โดยยังได้ผลตอบแทนตามที่ตัวเองต้องการ
มีการรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด
จากย่อหน้าบนที่ได้กล่าวไปแล้วว่าราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีการเปลี่ยนแปลงและผันผวนในอัตราที่สูงมาก สินทรัพย์ดิจิทัล บางตัวอาจจะราคาลงมาจากเมื่อวานได้ถึง 50% ซึ่งในตลาดการซื้อขายแลกเปลี่ยนนั้นจะไม่มีสิ่งที่เรียกว่า circuit Breaker ดังนั้นการที่ราคาลงมาได้จนถึง 50% นั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ภายในช่วงเวลาไม่กี่นาที ลงมาต่อเนื่องทันทีโดยไม่มีพักการซื้อขาย
ความเสี่ยงไม่ได้มีแค่เรื่องของราคาอย่างเดียว แต่มาจากเรื่องของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นด้วยเพราะหลายธุรกิจที่ทำงานเป็นเบื้องหลังของสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นอาจจะเกิดความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลายกตัวอย่างในหลายๆแพลตฟอร์มที่ทำงานมาได้ดีโดยตลอด แต่อยู่มาวันหนึ่งก็ตัดสินใจเลิกทำ แล้วก็ทิ้ง platform นั้นไปเลย โดยไม่มีเหตุผลอะไร ก็เกิดขึ้นได้เป็นปกติในโลกดิจิทัล ดังนั้นทุกการลงทุนเราจึงจะต้องมองเห็นความเสี่ยงอยู่เสมอ
และเป็นสิ่งที่สำคัญที่เราจะต้องคุยกับตัวเอง ว่าเรามีการรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด เพราะการที่รับความเสี่ยงได้มากหรือน้อยนั้นจะถูกนำมาใช้เป็นกลยุทธ์ที่จะจัดสรรเงินในการลงทุนอีกครั้งหนึ่งด้วย
บางคนอาจจะบอกว่าสามารถรับความเสี่ยงได้มากแต่เมื่อไปลงทุนจริงๆแล้วราคาสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นลดราคาลงมาจากจุดที่ตัวเองเข้าซื้อเพียง 5% ก็เกิดอาการ จิตใจเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คอยแต่จะติดตามข่าวสารตลอด ว่าจะมีข่าวได้มาเพิ่มอีกหรือไม่ หรือจะมีข่าวใดที่จะทำให้ราคาขึ้นอีกไหม หรือเริ่มไม่แน่ใจว่าจะถือต่อหรือจะขายออกดี แบบนี้ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นคนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ ดังนั้นอาจจะต้องพิจารณาพักเรื่องการลงทุนของสินทรัพย์ดิจิทัล ไว้ก่อน หรือ เน้นใช้เงินที่น้อยมากในการลงทุน ที่ตัวเองทำใจเสียไปทั้งก้อนแล้ว (ตัดเงินออกมา แล้วตีว่าเหลือ 0 บาททั้งก้อน) ก่อนจะเริ่มลงทุน แบบนี้จะช่วยให้เราลดความเป็นห่วงว่าเงินจะไม่งอกเงยได้ดี และใช้เวลากับเงินก้อนนั้น ในการศึกษาธรรมชาติของ สินทรัพย์ดิจิทัล ไปพร้อมกันด้วย
พร้อมที่จะศึกษาและใช้งานเครื่องมือต่างๆ
เนื่องจากในปัจจุบันการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลหรือแม้กระทั่งการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัล จะมีเครื่องมือที่ต้องใช้งานเป็นการเฉพาะ ซึ่งหลายเครื่องมือเป็นเครื่องมือที่ทำความเข้าใจหรือหยิบมาใช้งานได้ค่อนข้างยาก หรือหลายเครื่องมือเป็นเครื่องมือที่มีรายละเอียดในการทำงานค่อนข้างเยอะ ซึ่งจะส่งผลต่อความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัลที่เราเป็นเจ้าของอยู่ด้วย
ยกตัวอย่างง่ายที่สุดนั่นก็คือ Crypto wallet หรือกระเป๋าที่ใช้ดูสินทรัพย์ดิจิทัลของเรา และทำหน้าที่ในการยืนยันการทำรายการธุรกรรมต่างๆของสินทรัพย์ดิจิทัลที่เราครอบครองอยู่ ปัจจุบันก็มีโปรแกรมให้เลือกใช้เป็นจำนวนมากซึ่งมีความแตกต่างกันในรายละเอียด เพียงแค่เรื่องเดียวนี้เราก็มีเรื่องที่ต้องศึกษาอีกเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น Seed phrase (recovery phrase) หรือการเพิ่มความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ที่ใช้งาน Crypto wallet เช่น computer, network รวมไปถึงการป้องกันตัวเองจากการถูกหลอกอีกด้วย ซึ่งหากเราไม่เข้าใจอย่างแท้จริงจะส่งผลร้ายทำให้เราสูญเสียความเป็นเจ้าของของสินทรัพย์ทั้งหมดที่เราครอบครองอยู่ได้ในคราวเดียว ซึ่งเรื่องนี้มีเกิดขึ้นตลอดกับผู้ที่เริ่มกระโดดเข้ามาโดยยังไม่ทำความเข้าใจที่ดีเพียงพอ
และนอกเหนือจากนั้นการเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบต่างๆก็จะมีเครื่องมือที่แตกต่างกัน และมีความจำเพาะเจาะจงแตกต่างกันไปเช่น เครื่องมือ สำหรับ NFT, การทำความเข้าใจ blockchain transaction,การกู้ยืม, การฝาก,การสร้างสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่จากสินทรัพย์ดิจิทัลตัวอื่น และอื่นๆ อีกมากมาย
ถ้าเราไม่เข้าใจอย่างดีเพียงพอแล้ว เราอาจจะต้องเสียมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่เราครอบครองไปได้โดยง่าย ในแบบที่เรายังไม่เข้าใจเลย ว่าเสียไปได้อย่างไร
ความเข้าใจในการทำงานของ Blockchain technology
ถือได้ว่าเป็นเรื่องพื้นฐานที่สุด สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้เลย เพราะว่า เกือบทั้งหมด ที่เป็น สินทรัพย์ดิจิทัล นั้น มีการใช้งาน Technology Blockchain เป็นพื้นฐานการทำงาน และเราจะเชื่อถือ หรือวางใจ ใน Technology ได้อย่างไร ถ้าเรายังไม่เข้าใจการทำงานของ Technology ดังนั้น เป็นหน้าที่ที่สำคัญที่เราต้องทำความเข้าใจ Technology ตัวนี้อย่างถ่องแท้ ซึ่งเป็น Technology พื้นฐานรองรับการต่อยอดในการเรียนรู้เรื่องอื่นๆต่อไป เพื่อให้เรามั่นใจ ในการลงทุน และเป็นการหาคำตอบให้กับตัวเอง ว่าเพราะเหตุใด เราถึงเอาเงินอันมีค่าของเรา ไปแลกกับตัวเลขดิจิทัล หรือ ข้อมูลดิจิทัล ที่เราจับต้องไม่ได้มาในความครอบครอง
ในหัวข้อนี้ อย่างน้อยที่สุด ก็ควรจะเข้าใจว่า Blockchain Technology นั้นคืออะไร มีการทำงานอย่างไร ความแข็งแกร่ง และ อ่อนแอ อยู่ที่ตรงไหน ทำไมข้อมูลที่เก็บในระบบ Blockchain นั้นจึงมีความน่าเชื่อถือ ความน่าเชื่อถือนั้นเกิดมาจากอะไรตามหลักการและเหตุผลที่เราสามารถพิสูจน์ได้ เพื่อลบล้าง ว่ามันเป็นเพียงความเชื่อที่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง เลือกที่จะเชื่อ และให้ความยอมรับมันเท่านั้น
สุดท้ายนี้ checklist ทั้งหมดที่ได้กล่าวไปนั้น มีรายละเอียดที่ซ่อนอยู่เป็นจำนวนมากและเชื่อว่าน่าจะมีประโยชน์หากนำรายละเอียดในเรื่องราวต่างๆไปค้นหาความรู้เพิ่มเติมซึ่งมีเป็นจำนวนมากในขณะนี้แล้ว (ทั้งภาษาไทย และข้อมูลจากต่างประเทศ ทั้งในรูปแบบตัวหนังสือ และ สื่อแบบอื่นๆ)
เมื่อเรามีความพร้อมแล้ว หลังจากนั้น ก็เลือกใช้บริการจากผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือในลำดับต่อไปได้เลย และขอยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกการเงินในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เราไม่เคยประสบพบเจอมาก่อนในช่วงชีวิตของเรา และส่วนตัวผมเอง ก็เชื่อว่า สิ่งนี้จะมีอยู่ตลอดไปตราบชั่วชีวิตเราด้วยเช่นกัน แต่รูปแบบก็อาจจะปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไปตลอดนั่นเองครับ
อมรเดช คีรีพัฒนานนท์
กรรมการสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย
Co-Founder
บริษัท ออมแพลทฟอร์ม จำกัด