rise-of-digital-assets-lending-platforms

ทำความรู้จัก platform กู้ยืม digital assets

The Rise of Digital Asset Lending Platforms: Paving the Way for Crypto-Based Loans Digital Asset

นวัตกรรมที่มีความน่าสนใจอันนึงที่มีอยู่ในตอนนี้คือ “แพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล” ซึ่งให้บริการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น คริปโตเคอร์เรนซี และทรัพย์สินที่มีค่าอื่นๆ อย่าง NFT

ความน่าสนใจคือ ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงสินเชื่อที่มีความยืดหยุ่นและมีความเร็วมากขึ้น โดยไม่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการประเมินเครดิตและกระบวนการอื่นๆ ที่เสียเวลา นอกจากนี้ สามารถสร้างรายได้จากการให้เงินกู้ในรูปแบบของสินทรัพย์ดิจิทัล ไปพร้อมกัน

 

ประวัติความเป็นมาของการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล

การกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มต้นจากความต้องการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อต่อยอดการลงทุนมากกว่าทุนเดิมที่มีอยู่ โดยมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว เพื่อดึงดูดผู้ปล่อยกู้ โดยผู้กู้ได้อัตราดอกเบี้ยที่มีความเหมาะสม อีกทั้ง เจ้าของสินทรัพย์ จะยังคงความเป็นเจ้าของอยู่ได้ เมื่อชำระหนี้การกู้ยืมเพื่อไถ่ถอนกลับมา ฟังดูเหมือนจะเป็นโรงรับจำนำ ก็ถือว่าใกล้เคียงกันเลยทีเดียว

เทคโนโลยีที่สนับสนุนการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลประกอบไปด้วย บล็อกเชน สมาร์ทคอนแทรกต์ และการขุดเหมืองคริปโตเคอร์เรนซี โดยบล็อกเชนทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลปลอดภัย โปร่งใส และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ในขณะที่สมาร์ทคอนแทรกต์ช่วยในการสร้างข้อตกลงที่มีเงื่อนไขที่ประมวลผลอัตโนมัติ เมื่อเงื่อนไขเหล่านั้นถูกต้องได้รับการยืนยัน การขุดเหมืองคริปโตเคอร์เรนซีนั้นช่วยในการสนับสนุนความมั่นคงของระบบและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น

การกู้ยืมเติบโตมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลหลัก ๆ อย่างเช่น ความสะดวกสบายในการเข้าถึง ความปลอดภัยและความเปิดเผยข้อมูล อัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจ และความยืดหยุ่นในการกำหนดเงื่อนไข ซึ่งทำให้คนที่ลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี สามารถใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อหาทุน ลงทุน หรือจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น คนที่ซื้อคริปโตเคอร์เรนซี เก็บเอาไว้ใน บล็อกเชน และถือยาวๆ ก็สามารถนำมาปล่อยกู้ เพื่อรับดอกเบี้ย พร้อมทั้งรับสิทธ์ในการกู้คริปโตเคอร์เรนซีอื่น ได้พร้อมกันอีกด้วย

นอกจากนี้ การกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลยังสนับสนุนการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัล โดยทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับผู้ประกอบการ นักพัฒนา และนักลงทุน เช่น การให้ platform DeFi อื่นสามารถเข้าถึงการกู้ยืมเงินจากระบบให้กู้ได้ ทั้งในช่วงเวลาสั้นๆ(ภายใน 1 บล็อค) หรือช่วงเวลายาวๆ (หลายวินาที ถึงนานหลายปี)

 

วิธีการทำงานของแพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล

วิธีการทำงานของแพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นไม่ยากเกินไป โดยมีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้

1. การยื่นขอเงินกู้ : ในขั้นตอนแรก ผู้ขอเงินกู้จะต้องสมัครสมาชิกกับแพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น การ connect ด้วย Crypto Wallet เมื่อสมัครสมาชิกเสร็จสิ้นผู้ขอเงินกู้จะต้องฝากสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใช้เป็นประกัน เช่น บิทคอยน์ อีเธอร์ หรือสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ และระบบจะคำนวณวงเงินกู้สูงสุดให้เรา โดยปกติจะอยู่ที่ 50% – 95% คิดจากมูลค่า และ ประเภทของสินทรัพย์ฝากเป็นหลักประกัน จากนั้น ถึงยื่นขอเงินกู้ เป็น CryptoCurrency โดยระบุจำนวนเงินที่ต้องการ โดยปกติ จะไม่มีระยะเวลาในการกู้ยืม เพราะอัตราดอกเบี้ยจะคิดตามจริง ตามเวลาที่ผ่านไป ทั้งนี้ ก่อนที่เราจะยื่นขอกู้ เราจะเห็นอัตราดอกเบี้ยทั้งสองฝั่ง คือ ฝั่งฝากหลักประกัน (ได้ดอก) และฝั่งกู้ (จ่ายดอก) เพื่อให้เราตัดสินใจกู้ได้
2. ตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยสม่ำเสมอ : หลังจากยื่นขอเงินกู้แล้ว แพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลจะคำนวณอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมตามความเสี่ยงของสินเชื่อ อัตราดอกเบี้ยนี้อาจขึ้นอยู่กับประวัติการกู้ยืมของผู้ขอเงินกู้ มูลค่าของสินทรัพย์ประกัน และความต้องการของตลาด โดยจะถูกคำนวณเปลี่ยนไปมาแบบ real time คือ ถูกคำนวณใหม่ ทุกๆ 3 วินาที – 1 ชั่วโมง แล้วแต่ platform กำหนด แต่ส่วนใหญ่จะเป็นประมาณนี้ ดังนั้น บางช่วงเวลา เงินที่เรากู้มา อาจจะต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้แพงมากขึ้นก็ได้ โดยดอกเบี้ยค้างจ่าย ระบบจะคำนวณทบไปเรื่อยๆ เราจะจ่ายคืนเมื่อไรก็ได้แล้วแต่เรา ตราบใดที่วงเงินที่เรากู้ ยังไม่เกินวงเงินกู้สูงสุดที่ระบบกำหนดให้
3. การจัดการความเสี่ยง : เบื้องต้น แพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลจะมีมาตรการจัดการความเสี่ยงต่าง ๆ รวมอยู่ด้วยกัน ดังนี้ :

     a. การตั้งค่า Loan-to-Value (LTV) : แพลตฟอร์มจะกำหนดอัตราส่วนระหว่างมูลค่าสินเชื่อที่ยืมได้กับมูลค่าของสินทรัพย์ประกัน ส่วนมาก LTV จะอยู่ในช่วง 50-95% ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของสินเชื่อ

     b. การแจ้งเตือนและการยึดสินทรัพย์ประกัน : หากมูลค่าของสินทรัพย์ประกันลดลงอย่างรวดเร็ว แพลตฟอร์มจะแจ้งเตือนผู้ขอเงินกู้เพื่อเสนอให้เพิ่มสินทรัพย์ประกัน เพื่อคงความสัมพันธ์ระหว่างสินเชื่อกับสินทรัพย์ประกันที่เหมาะสม เช่น ฝาก Bitcoin ตีมูลค่าได้ $1,000 และกู้ไป $800 หรือคิดเป็น 80% โดยที่ระบบกำหนดวงเงินกู้ให้สูงสุดที่ 90% ต่อมาราคา Bitcoin ตกลง ทำให้หลักประกันเราจากเดิม $1,000 เหลือ $850 ซึ่งเมื่อคิดวงเงินกู้ที่ 90% เราจะต้องกู้ได้ไม่เกิน 850*90% = $765 ดังนั้น ระบบจะทำการตัด Bitcoin ที่เราฝาก จำนวน $35 มาขาย เพื่อล้างหนี้เงินกู้ ให้เหลือต่ำกว่า $765 นั่นเอง (จริงๆ จะตัดขายเยอะกว่านี้ เพราะจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม อีกเผื่อส่วนต่างราคาลดลงรุนแรงเอาไว้ด้วย)

     ด้วยขั้นตอนเหล่านี้ แพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและควบคุมความเสี่ยงให้กับผู้ให้เงินกู้ ในขณะเดียวกัน ยังช่วยให้ผู้ขอเงินกู้สามารถเข้าถึงเงินกู้ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจและมีความยืดหยุ่นในการกู้ยืม อีกทั้งยังสามารถเพิ่มมูลค่าในตลาดการเงินดิจิทัล และส่งเสริมการสร้างสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความน่าสนใจและประโยชน์ในระยะยาว

4. การคืนเงินกู้และดอกเบี้ย : ในช่วงสิ้นสุดของระยะเวลาการกู้ยืม (ถ้ามี) ผู้ขอเงินกู้จะต้องคืนเงินกู้และดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้ในสัญญากู้ หากผู้ขอเงินกู้สามารถทำตามข้อตกลง เราจะสามารถกู้ใหม่อีกครั้งได้ หรือขอรับทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันคืนก็ได้ แต่ถ้าไม่มีกำหนด เราสามารถแบ่งส่วนทยอยคืน หรือคืนทั้งก้อนเลยก็ได้ ซึ่งอัตรา ณ เวลานั้น จะรวมดอกเบี้ยเงินกู้เข้าไปด้วยแล้ว

 

การเปรียบเทียบกับการกู้ยืมด้านการเงินแบบดั้งเดิม

มีข้อแตกต่างหลักๆ ดังนี้

1. ความเร็วในการดำเนินการ : การกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลมักมีกระบวนการที่รวดเร็วกว่าการกู้ยืมด้านการเงินแบบดั้งเดิม เนื่องจากไม่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบประวัติสินเชื่อ เนื่องจากเป็นหลักประกันแบบมีสินทรัพย์คำประกัน และทำธุรกรรมได้ผ่าน internet ทั้งหมด 100%
2. ความยืดหยุ่นในการกำหนดเงื่อนไข : แพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลมักมีความยืดหยุ่นในการกำหนดเงื่อนไขการกู้ยืม รวมถึงอัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาการกู้ยืม อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้ขอเงินกู้เลือกใช้สินทรัพย์ดิจิทัลที่หลากหลาย
3. ความปลอดภัยและควบคุมความเสี่ยง : แพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของการทำธุรกรรม และมีมาตรการในการควบคุมความเสี่ยงต่างๆ ให้แก่ผู้ให้เงินกู้
4. ความคุ้มค่าใช้จ่าย : การกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลมักมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่าการกู้ยืมด้านการเงินแบบดั้งเดิม เนื่องจากลดความซับซ้อนของกระบวนการและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ
5. การเข้าถึงที่ครอบคลุมคนทุกชนชั้น : แพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลเปิดโอกาสให้ผู้ขอเงินกู้ที่ไม่มีประวัติสินเชื่อ หรือไม่มีเอกสารที่เพียงพอ สามารถขอกู้ยืมได้ ส่งผลให้มีการเข้าถึงที่กว้างขวางและเท่าเทียมกันมากขึ้น
6. การสนับสนุนการประหยัดพลังงาน : การกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลช่วยลดการใช้กระดาษและวัสดุอื่นๆ ในการดำเนินงาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง

 

ข้อดีและข้อเสียของการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล

ข้อดีของการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล

1. ความเร็วและความสะดวก : การกู้ยืมดิจิทัลมักมีกระบวนการที่รวดเร็วและสะดวก ทำให้เงินกู้สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องรอเวลานาน
2. ความยืดหยุ่น : ผู้ขอเงินกู้สามารถเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลที่หลากหลายในการประกัน เช่น บิทคอยน์ อีเธอร์ หรือโทเค็นต่างๆ
3. ระบบที่โปร่งใส : การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนทำให้การทำธุรกรรมมีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
4. การเข้าถึงที่กว้างขวาง : แพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลเปิดโอกาสให้ผู้ไม่มีประวัติสินเชื่อ หรือไม่มีเอกสารที่เพียงพอ สามารถขอกู้ยืมได้

ข้อเสียของการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล

1. ความผันผวนของราคา : ราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลมักมีความผันผวนสูง ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อมูลค่าของเงินกู้และสินทรัพย์ประกัน โดยปกติจึงต้องฝากหลักประกันเผื่อไว้เยอะๆ และติดตามดูบ่อยๆ
2. ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและควบคุมความเสี่ยง : การกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลอาจมีความเสี่ยงสูงกว่าการกู้ยืมด้านการเงินแบบดั้งเดิม เนื่องจากความไม่แน่นอนของตลาดคริปโตและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัล
3. ข้อจำกัดด้านกฎหมายและกำหนด : ในบางประเทศ กฎหมายและกำหนดของการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลอาจยังไม่ชัดเจน หรือมีข้อจำกัด ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ อย่างในประเทศไทย ในปัจจุบัน ยังไม่มีข้อกำหนดที่ชัดเจนเจาะจงในเรื่องนี้ แต่จะถูกตีความว่าเป็นการกู้ยืมเงินโดยปกติ แบบมีสินทรัพย์ค้ำประกันไปแทน เพราะมีการทำงานที่เทียบเคียงกัน และ CryptoCurrency ในตอนนี้ถูกตีความว่าเป็นสินทรัพย์อยู่
4. การรับรู้และเข้าใจของผู้ใช้ : ผู้ใช้บางคนอาจยังไม่คุ้นเคยหรือเข้าใจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล อาจจะทำให้เข้าใจผิด และขาดทุนจากอัตราดอกเบี้ย หรือ ได้ดอกเบี้ยไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจได้
5. ความต้องการด้านความรู้เฉพาะทาง : การเข้าร่วมแพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลอาจต้องการความรู้เฉพาะทางเกี่ยวกับการใช้งานและการจัดการกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่การใช้งานเรื่อง CryptoWallet การ set Allowance การตรวจสอบความปลอดภัยและน่าเชื่อถือของ platform และอื่นๆ

 

ตัวอย่างแพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลยอดนิยม

ตัวอย่างแพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลยอดนิยม และเปิดให้บริการมาแล้วยาวนานหลายปี

1. Aave : แพลตฟอร์มกู้ยืมแบบเปิดขึ้นตัวอยู่บนเครือข่าย Ethereum ที่ให้บริการกู้ยืมและการฝากเงินที่มีความยืดหยุ่น และมีอัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันได้
2. Compound : เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มกู้ยืม ที่ให้บริการกู้ยืมคริปโตกันระหว่างผู้ใช้งาน
3. MakerDAO : แพลตฟอร์มนี้ให้บริการกู้ยืมเงินเสมือน DAI ซึ่งมีความคงที่ในราคา ผู้ใช้สามารถกู้ยืม DAI โดยมีสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นประกัน
4. Venus : แพลตฟอร์มนี้ให้บริการกู้ยืมเงินเสมือน VAI คล้ายกับ DAI ของ MakerDAO

 

ในการเลือกแพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลที่เหมาะสมสำหรับคุณ ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้

1. ความน่าเชื่อถือ : ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม รวมถึงความปลอดภัย ความโปร่งใส และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
2. ค่าธรรมเนียมและอัตราดอกเบี้ย : สำรวจค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืม และเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้งฝั่งฝากหลักประกัน และฝั่งกู้
3. ประเภทของสินทรัพย์ดิจิทัล : ตรวจสอบว่าแพลตฟอร์มนั้นรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่คุณสนใจหรือไม่ เพราะการกู้ ไม่ได้หมายความว่าต้องกู้ stable coin อย่างเดียว เราสามารถกู้ Token อื่นๆ ที่ platform มีให้บริการได้
4. ความยืดหยุ่นในการกู้ยืมและการชำระเงินกู้ : พิจารณาข้อกำหนดและเงื่อนไขในการกู้ยืมและการชำระเงินกู้ เช่น ระยะเวลาของสัญญา และข้อจำกัดในการชำระเงินกู้
5. รีวิวและความคิดเห็นของผู้ใช้ : อ่านรีวิวและความคิดเห็นจากผู้ใช้งานเพื่อทำความเข้าใจความพึงพอใจในการใช้บริการของแพลตฟอร์ม

โดยภาพรวม การเลือกแพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลที่เหมาะสมสำหรับคุณ เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับความต้องการและความสนใจของคุณ การพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น อย่าลืมที่จะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม และทำการวิจัยละเอียดเพื่อตัดสินใจที่ดีที่สุดในการเลือกแพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลที่เหมาะสมและเสี่ยงน้อยที่สุดให้กับตัวคุณเอง

 

คำแนะนำในการใช้งานแพลตฟอร์ม

คำแนะนำในการใช้งานแพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล

1. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม : ให้เวลาศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับแพลตฟอร์มที่คุณสนใจ ทั้งวิธีการทำงาน ค่าธรรมเนียม และอัตราดอกเบี้ย
2. ตรวจสอบความปลอดภัย : ให้ความสำคัญในการตรวจสอบความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม เช่น การเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ การ Audit จากผู้ให้บริการต่างๆ
3. อย่าเผชิญกับความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น : ให้ความสำคัญกับการจัดการความเสี่ยงในการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล หากไม่แน่ใจในความเสี่ยง ลองให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือ ทดสอบด้วยเงินจำนวนน้อยๆ ที่จำกัดความเสียหายเอาไว้แล้ว
4. ติดตามข่าวสารและอัปเดต : ติดตามข้อมูลข่าวสารและอัปเดตเกี่ยวกับแพลตฟอร์มที่คุณใช้งาน เพื่อทราบข้อมูลใหม่ ๆ และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงเป็นประจำด้วย
5. เริ่มต้นด้วยจำนวนเงินที่เหมาะสม : หากคุณเป็นผู้ใหม่ในการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล แนะนำให้เริ่มต้นด้วยจำนวนเงินที่ไม่สูงเกินไป ค่อยๆ เพิ่มจำนวนเงินกู้ตามที่คุณสบายใจและมีความเข้าใจในความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
6. จัดทำแผนการชำระเงินกู้ : ก่อนที่คุณจะกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล ควรจัดทำแผนการชำระเงินกู้ รวมถึงวิธีที่คุณจะหาเงินเพื่อชำระเงินกู้และดอกเบี้ย โดยเราจะต้องมองให้ออก ว่าเราจะหากำไร จากเงินที่เรากู้มานั้นได้อย่างไร
7. สำรวจข้อเสนอพิเศษและโปรโมชั่น : ตรวจสอบข้อเสนอพิเศษหรือโปรโมชั่นที่แพลตฟอร์มนั้นมีให้ อาจช่วยลดค่าธรรมเนียมหรือดอกเบี้ยในการกู้ยืม
8. ให้ความสำคัญกับการสื่อสาร : หากคุณมีข้อสงสัยหรือปัญหาเกี่ยวกับการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล อย่าลังเลที่จะติดต่อฝ่ายสนับสนุนของแพลตฟอร์มเพื่อขอคำแนะนำหรือความช่วยเสริม เช่น telegram group แต่เราต้องระวังคนที่เข้ามาทักเราก่อน 99% คือ มิจฉาชีพแน่นอน
9. พัฒนาทักษะและความรู้ : อัพเดทความรู้และทักษะในการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่เสมอ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจที่ดีที่สุดในการกู้ยืมและจัดการความเสี่ยง
10. ศึกษาเรื่องกฎหมาย : ทำความเข้าใจเรื่องกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศของคุณ ปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นช

เมื่อคุณเริ่มสำรวจและทดลองใช้งานแพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล คุณจะพบว่ามีโอกาสมากมายในการสร้างรายได้ จัดการสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมการเงินได้อย่างราบรื่น อย่างไรก็ตาม ควรที่จะให้ความสำคัญกับความปลอดภัย การปฏิบัติตามกฎหมาย และการประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องก่อนจะทำการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล

ตลาดการเงินดิจิทัลและแพลตฟอร์มการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการปรับปรุงกระบวนการกู้ยืมทั้งเรื่องเงินกู้และการลงทุนทำให้มีโอกาสใหม่ๆ  สำหรับผู้ใช้งานทั่วโลก ขณะเดียวกัน ความเข้าใจในวิธีการใช้งานและข้อจำกัดของแพลตฟอร์มเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญด้วยเช่นกัน

อมรเดช คีรีพัฒนานนท์

กรรมการสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย
Co-Founder
บริษัท ออมแพลทฟอร์ม จำกัด